จากงานสัมมนาการลงทุน “พลิกคัมภีร์ ESG ชูธงธุรกิจยั่งยืนและแนวโน้มการลงทุนครึ่งปีหลัง” ของ Money Club ในหัวข้อ แนวทางการลงทุนครึ่งปีหลัง 2565 นายนิพนธ์ สุวรรณประสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการ สถาบันการลงทุน QIQP บล.ไอร่า จำกัด (มหาชน) และนายประกิต สิริวัฒนเกตุ กรรมการผู้จัดการ บลจ.เมอร์ชั่นพาร์ทเนอร์ ได้ร่วมแนะนำทิศทางการลงทุนช่วงครึ่งปีหลัง

นายประกิต กล่าวว่า การลงทุนในช่วงเดือนสิงหาคม เป็นเดือนที่มีแนวโน้มดี ครึ่งปีหลังตลาดหุ้นน่าจะฟื้นตัว ขณะที่ครึ่งปีแรกมีเหตุการณ์เกิดขึ้นเยอะ ตลาดหุ้นสหรัฐลงมากที่สุด ติดท็อป 4 เป็นประวัติการณ์ ซึ่งจากที่ผ่านมา เมื่อครึ่งปีแรกลง ครึ่งหลังน่าจะดีขึ้น จะมีการฟื้นตัว
สำหรับตลาดหุ้นไทย ลงไป 10% หนักมากคือช่วงเดือนมิถุนายน กรกฎคาคม ซึ่งถือว่าเบากว่าประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคนี้ เป็นเพราะเขากังวลเงินเฟ้อ เศรษฐกิจโลก เดือนสิงหาคม – กันยายน มองว่ามีแนวโน้มความกังวลผ่อนคลาย ตลาดจึงมีโอกาสฟื้นตัวบ้าง แต่ไม่ใช่ฟื้นตัวแล้วจะไฉไล อาจกลับไปที่ 1,600 จุด เพราะช่วงเวลาที่ดีสุดของปีผ่านไปแล้วคือไตรมาสหนึ่ง และตั้งแต่หลังสงกรานต์ จะสไลด์ลงเป็นแบร์มาร์เก็ตแรลลี่ แต่มันจะมีฟื้นบ้างลงบ้าง
ดังนั้น ตอนนี้คือ ช่วงเลาที่ดีที่สุดของช่วงนี้คือ สิงหาคม กันยายน และจะแย่ที่สุด คือ ปลายปี
นายนิพน กล่าวว่า หุ้นขึ้นลงตามธรรมชาติ สำหรับ เดือนสิงหาคม มองว่าจะขึ้นเช่นกัน แต่แนะนำนักลงทุนว่า อย่าไปติดกับดักข่าวสารที่ควบคุมไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นข่าวเงินเฟ้อ การขึ้นการลงของหุ้น ก็มีทุกรอบ คลื่นของหุ้น มีปัจจัยที่ส่งผลกระทบถือเป็นเรื่องธรรมดา ตอนเกิดโควิด หุ้นขึ้น เมื่อโควิดจบให้ระวัง เพราะมันจะลง การเกิดโควิด ทำให้เกิดการอ้างที่จะฉีด QE ( Quantitative Easing) เข้ามาในระบบ แต่ถ้าฉีดมาก คือ จะทำให้เกิดเงินเฟ้อ
“การหลงเรื่องปัจจัยเยอะๆ จะเกิดปัญหา พอเกิดโควิดปั๊บ QE ไปแจกตังค์ให้ประชาชน QE มากเกินไป เพราะโควิดมันยืดเยื้อ 75% ของรายได้ที่เคยมี ก็เอาไปเล่นบิทคอย ตอนนี้ตลาดกำลังเคลียร์ฟองสบู่” นายนิพลกล่าว
ส่วนหุ้นกลุ่มที่น่าสนใจ เช่น กลุ่มอิเลคทรอนิค เพราะเป็นซัพพลายเชนที่สำคัญของเทคโนโลยี กลุ่มนี้จึงมีอนาคต นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มอาหาร เช่น คาราบาว และกลุ่มการเงิน เช่น MTC อย่่างไรก็ตาม ต้องหาจังหวะการซื้อที่ดี เพราะหุ้นไม่ขึ้นแบบสมูท ขึ้นแบบที่เรากลัวอยู่ เพราะไม่รู้ว่ามันขึ้นนานขนาดไหน แล้วมันจะลง
นายประกิต กล่าวเสริมว่า MTC ฟื้นตัวแรง เพราะพื้นฐานบริษัทเขามีความระมัดระวังสูง ภาวะการตั้งสำรองจะเบากว่าชาวบ้าน น่าจะเป็นหนึ่งในหุ้นการเงินที่น่าสนใจ จะได้เห็นเห็นการเติบโตที่ดี นอกจากนี้ยังย้ำว่า นักลงทุนที่ต้องการรีเทิร์น ช่วงเดือนสิงหาคมน่าจะเป็นโอกาสที่เหมาะ หลังจากนั้นคือ ปล่อยให้ตลาดรอรับปัจจัยต่างๆ เต็มที่ แล้วรอการฟื้นตัวปีหน้า ที่น่าจะสมดุลย์มากขึ้น
ส่วนทิศทางเงินเฟ้อในประเทศ หากดีขึ้น และอัตราดอกเบี้ยขยับแบบค่อยเป็นค่อยไป เป็นกลไกที่แบงก์ชาติ ต้องการฟื้นสภาพเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศด้วยภาคการท่องเที่ยว เพราะเมื่อเงินบาทอ่อน นักท่องเที่ยวต่างชาติจะให้ความสนใจเดินทางมาเที่ยวไทย
ด้านยุโรป ตลาดหุ้นเขาฟื้นมา 4-5% ไปเลือกกองลงทุนใยุโรป หุ้นขนาดใหญ่ที่เติบโตได้ดี หรือกองหุ้นยุโรปที่จ่ายปันผลดี น่าจะเทิร์นกลับเดือนสิงหาคม เช่นกัน
สำหรับในตลาดหุ้นไทย ก็มีหุ้นที่จ่ายปันผลระดับกลาง อย่าไปเล่นตามกระแส หาตรีมนอกทาง เช่น อสังหาริมทรัพย์ ถ้าแบงก์ชาติขึ้นดอกเบี้ยแบบค่อยเป็นค่อยไป อสังหาริมทรัพย์ก็น่าสนใจ ธนาคารพาณิชย์ หรือ หุ้นทีแคป ส่วนหุ้นอสังหาจีน ก็น่าสนใจ รัฐบาลจีนตั้งกองทุนสามแสนล้านหยวน เพื่อเข้าไปอุ้มอสังหาในจีน วิกฤตจะเริ่มผ่อนคลายลงมาบ้าง รัฐบาลเขาน่าจะมีเงินเหลือ หุ้นจีนลงมาต่ำสุดไปแล้ว
นายนิพน เสริมว่า แบงก์ชาติต้องการให้ประเทศฟื้นจริงจัง เราต้องรอเรื่องท่องเที่ยว เงินบาทอ่อน แต่ไม่ไหลออก เพราะขาดทุน 10% แล้ว และถ้าเงินบาทอ่อน จะกระตุ้นให้คนมาท่องเที่ยวไทยเยอะขึ้น สวีเดน เดนมาร์ก ยุโรปจะมาเร็ว ถ้าเงินบาทแข็งเขาจะไปที่อื่น แบงก์ชาติ ก็ช่วยให้ค่าเงินบาทอ่อนอย่างมีนัยยะ และผลก็จะมาที่ส่งออกทั้งหมดด้วย
ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง : สัมมนาการลงทุน “พลิกคัมภีร์ ESG ชูธงธุรกิจยั่งยืนและแนวโน้มการลงทุนครึ่งปีหลัง”