นวัตกรรมคือคำตอบในยุคแห่งความเรืองรองของจีน

Must read

“อรสิริน” ยก 19 โครงการคุณภาพเชียงใหม่ มอบดีลสุดพิเศษ ในงานมหกรรมบ้านและคอนโดครั้งที่ 43

“อรสิริน” ในงานมหกรรมบ้านและคอนโดครั้งที่ 43 นำโครงการบ้านและคอนโดฯพร้อมอยู่ ทำเลคุณภาพ จ.เชียงใหม่กว่า 19 โครงการ

ORI คาดยอดขาย Q1/66 ได้ 1 หมื่นลบ. หลังเศรฐกิจฟื้นตัว หนุนกำลังซื้อเพิ่มขึ้น

ORI คาดยอดขาย Q1/66 ได้ 1 หมื่นลบ. 2 เดือนแรกค่อนข้างดีอย่างต่อเนื่อง หลังศก.และท่องเที่ยวฟื้นตัว หนุนกำลังซื้อเพิ่มขึ้น

ราคาทองคำ ประจำวันที่ 24  มี.ค. 66 “ราคาปรับเพิ่มขึ้น 200 บาท”

สมาคมค้าทองคำ ประกาศราคาทองคำในประเทศวันนี้ (ครั้งที่ 1) ประจำวันที่ 24 มีนาคม 2566 เมื่อเวลา 09.27 น. เปิดตลาดราคาปรับเพิ่มขึ้น 200 บาท

BAM ออกบูธงานมหกรรมบ้านเเละคอนโด ครั้งที่ 43 วันที่ 23-26 มี.ค. 66 ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

BAM ออกบูธงาน“มหกรรมบ้านเเละคอนโด ครั้งที่ 43 ณ Hall 5 ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งงานนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 23-26 มีนาคม 2566

ขณะที่วัยรุ่นไทยและอีกหลายประเทศทั่วโลกกำลังคลั่งไคล้และเรียนรู้โลกธุรกิจใหม่ทางอ้อมจากซีรีย์ “สตาร์ตอัพ” ของเกาหลีใต้ที่แพร่ภาพอยู่ในเน็ตฟลิกซ์ (Netflix) รัฐบาลจีนก็ส่งสัญญาณชัดเจนถึงความพยายามในการเร่งสร้างและพัฒนาสตาร์ตอัพของจีนเช่นกัน

แม้ว่าปีนี้จีนต้องเผชิญกับวิกฤติโควิด-19 แต่สิ่งที่จีนได้ดำเนินการในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา กลับแสดงให้เห็นถึงการให้ความสำคัญและการใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้น อาทิ ตู้จำหน่ายหน้ากากและเวชภัณฑ์ทางการแพทย์อัตโนมัติ หุ่นยนต์ รถไร้คนขับ และโดรนเพื่อสนับสนุนการป้องกันและรักษาการแพร่กระจายของเชื้อโรค แท๊กซี่ไร้คนขับ และเงินหยวนดิจิตัล

ในช่วงต้นปี 2020 ดัชนีนวัตกรรมบลูมเบิร์ก (Bloomberg Innovation Index) ระบุว่า จีนก้าวขึ้นมาอยู่ลำดับที่ 15 ของโลก โดยก้าวกระโดดจากลำดับที่ 41 ในปี 2010 หรือเพิ่มขึ้นถึง 25 ลำดับในช่วงราวหนึ่งทศวรรษ

ที่น่าสนใจยิ่งกว่าคือ ทันทีที่ผลดังกล่าวถูกประกาศออกมา รัฐบาลจีนก็ตั้งเป้าหมายใหญ่ที่จะก้าวขึ้นเป็นอันดับหนึ่งของโลกภายในปี 2030 ซึ่งทำให้ผมอดนึกถึงวลีอมตะที่ว่า “รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง” ไม่ได้จริงๆ เพราะไม่เพียงแต่จีนรู้ดีว่าประเทศอื่นพัฒนานวัตกรรมเร็วขนาดไหน แต่จีนต้องพัฒนาเร็วเพียงใดจึงแซงประเทศอื่นขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งของโลก

นอกจากนี้ นับแต่เดือนกันยายนเป็นต้นมา ผมยังสังเกตเห็นผู้บริหารระดับสูงของรัฐบาลจีนเดินสายเยี่ยมชมและกล่าวในหลายเวทีถึงแนวทางและความมุ่งมั่นตั้งใจของรัฐบาลจีนที่จะสร้างความแข็งแกร่งของธุรกิจสตาร์ตอัพของจีน โดยภายใต้แนวคิดของผู้บริหารจีนระบุว่าจะอาศัยเทคโนโลยีและนวัตกรรมเป็นกลไกหลักในการพัฒนา

ข่าวการเยือนเมืองเซินเจิ้น และเฉาโจวของคณะผู้บริหารระดับสูงของจีนนำโดยท่านประธานาธิบดีสี จิ้นผิงในช่วงครึ่งแรกของเดือนตุลาคมที่ผ่านมา นับว่าเป็นตัวอย่างที่ดีในเรื่องนี้ 

ท่านผู้นำได้ตอกย้ำถึงความสำคัญของนวัตกรรมหลังการเยือนผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์แห่งหนึ่งไว้อย่างน่าสนใจว่า “นวัตกรรมอิสระเป็นกุญแจแห่งการเติบโตของบริษัท การยกระดับอุตสาหกรรม และการพัฒนาเศรษฐกิจคุณภาพสูง” 

จุดยืนในเรื่องนี้ของจีนเด่นชัดยิ่งขึ้นเมื่อที่ประชุมคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์ เห็นชอบกับร่างแผนพัฒนา 5 ปีฉบับที่ 14 เมื่อสิ้นเดือนตุลาคม ที่ผ่านมา ซึ่งระบุว่าจีนจะส่งเสริมการพัฒนาขีดความสามารถด้านนวัตกรรม โดยมุ่งหวังที่จะนำเอานวัตกรรมไปใช้ในการผลักดันสู่ภาคการผลิตที่ทันสมัย และดำเนินกลยุทธ์ที่ใช้นวัตกรรมเป็นตัวขับเคลื่อนและยกระดับโครงสร้างเศรษฐกิจ

“นวัตกรรมจะขับเคลื่อนและยกระดับให้อุตสาหกรรมการผลิตของจีนเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่แห่งคุณค่าของโลก ควบคู่ไปกับการสร้างเชื่อมั่นด้านอุปทานภายในประเทศในเชิงยุทธ์”

มาถึงจุดนี้ ผู้อ่านหลายท่านอาจไม่มั่นใจในความต่อเนื่องของการดำเนินงานจากแผน 13 ซึ่งเป็นเสมือนครึ่งแรกของนโยบาย Made in China 2025 เชื่อมต่อไปยังแผน 14 ซึ่งเป็นช่วงครึ่งหลังของนโยบายดังกล่าว และอาจแปลกใจเมื่อทราบว่า แผน 14 ยังจะวางรากฐานและกำหนดเป้าหมายระยะไกลไปถึงปี 2035 หรือสิ้นสุดแผน 16 ใน 15 ปีข้างหน้า 

แต่สำหรับผมแล้ว กลับไม่รู้สึกกังวลใจในความต่อเนื่องดังกล่าวแต่อย่างใด เพราะสำหรับรัฐบาลจีน การ “สานต่อ” และ “ต่อยอด” การดำเนินงานตามนโยบายและแผนงานที่ดีจากยุคสู่ยุคอย่างเนียนตาและสร้างสรรค์ถือเป็น “หน้าที่” ที่พึงปฏิบัติ 

ขณะเดียวกัน การใช้องคาภยพทั้งของภาครัฐและเอกชนของจีนในการผลักดันการพัฒนาอย่างจริงจังและต่อเนื่องเพื่อให้เกิดเป็นรูปธรรมตามแผนที่กำหนดไว้ อาจหาได้ยากในประเทศอื่น เหล่านี้อาจเป็นเหตุผลที่ช่วยอธิบายได้ว่าทำไมเศรษฐกิจจีนจึงสามารถเติบโตได้อย่างก้าวกระโดดในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา

และเพียงไม่นานหลังการแถลงข่าวผลการประชุมคณะกรรมการกลางพรรคฯ เกี่ยวกับแผน 14 เมืองชั้นแนวหน้าของจีนต่างเร่งบรรจุเรื่องนวัตกรรมเข้าเป็นส่วนสำคัญของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม 5 ปีเพื่อให้สอดรับกับแผนของประเทศ 

นครเซี่ยงไฮ้ถือเป็นตัวอย่างที่ดีดังกล่าว รัฐบาลของเซี่ยงไฮ้ได้แถลงข่าวตอกย้ำในหลายเวทีว่าเทคโนโลยีเป็นเครื่องยนต์ใหม่ที่ใช้ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และพยายามผันตัวเองไปสู่การเป็นศูนย์นวัตกรรมด้านเทคโนโลยีของจีนในอนาคตอันใกล้ และไปสู่ของโลกในระยะไกล

รัฐบาลเซี่ยงไฮ้ได้ดำเนินการส่งเสริมการเพิ่มการลงทุนในวิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐานและพัฒนาความแข็งแกร่งของธุรกิจที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งอิเล็กทรอนิกส์ขนาดจิ๋ว (Microelectronics) ประสาทวิทยา (Neuroscience) ปัญญาประดิษฐ์ หุ่นยนต์ และวัสดุใหม่ ผ่านมาตรการการเงินการคลังมากมาย อาทิ สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำ การยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล และการจัดสรรพื้นที่อาคารและสถานที่ทำงานในราคาค่าเช่าพิเศษ

มาตรการความช่วยเหลือยังครอบคลุมถึงการสนับสนุนส่งเสริมการเตรียมธุรกิจเข้าสู่ “ทางลัด” ในการเข้าไปลิสต์ในตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้ ผ่านตลาดสตาร์ (Star Market) ซึ่งเป็นตลาดหลักทรัพย์สำหรับธุรกิจด้านเทคโนโลยีที่ผู้นำจีนผลักดันให้เปิดขึ้นเมื่อกลางปี 2019 ณ นครเซี่ยงไฮ้

ในชั้นนี้ รัฐบาลเซี่ยงไฮ้ยังได้คัดเลือกสตาร์ตอัพเป้าหมายที่มีขีดความสามารถด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยี และศักยภาพในเชิงพาณิชย์จำนวน 1,000 รายที่จะลิสต์ในตลาดสตาร์ในอนาคต ในจำนวนนี้ ราว 20% เป็นกิจการของเซี่ยงไฮ้ ที่เหลือเป็นกิจการที่จดทะเบียนนิติบุคคลในเมืองอื่น นั่นเป็นสัญญาณว่า ตลาดสตาร์จะมีบทบาทมากขึ้นในการช่วยผลักดันให้เซี่ยงไฮ้ขยับสู่การเป็นศูนย์กลางฯ ดังกล่าวในอนาคต

นอกจากนี้ เซี่ยงไฮ้ยังมีความโดดเด่นในเรื่องสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัยและมีความพร้อมในเรื่อง “คน” มากกว่าทุกเมืองในจีน โดยเซี่ยงไฮ้มีทรัพยากรมนุษย์ในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องในสัดส่วนที่สูง เช่น สัดส่วนราว 2 ใน 5 ของทั้งหมดในอุตสาหกรรมแผงวงจรรวม 1 ใน 3 ในด้านปัญญาประดิษฐ์ และ 1 ใน 5 ของอุตสาหกรรมยา 

ภายหลังการประชุมพิจารณาแผน 14 ดังกล่าว ผู้นำจีนยังได้เป็นประธานเปิดงานแสดงสินค้านำเข้าระหว่างประเทศประจำปี 2020 (2020 China International Import Expo) งานแสดงสินค้านำเข้าที่ใหญ่สุดในโลกเมื่อค่ำวันที่ 4 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา โดยได้กล่าวผ่านระบบออนไลน์ว่า “ภาคการผลิตของจีนเป็นจิ๊กซอว์สำคัญยิ่งของภาคการผลิตและห่วงโซ่อุปทานโลก ขณะที่อุปสงค์ของตลาดจีนอันมหาศาลดังกล่าวจะสามารถปลดปล่อยศักยภาพด้านการนวัตกรรมได้อย่างไร้ขอบเขต”

นอกจากนี้ ภายในงานยังเต็มไปด้วยนวัตกรรมสินค้าและบริการของกิจการต่างชาติที่หลั่งไหลไปใช้เวทีงานแสดงสินค้าดังกล่าวในการนำเสนอสู่ตลาดจีน แน่นอนว่า ตลาดสินค้านำเข้าที่มีมูลค่าถึงปีละกว่า  2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ย่อมเต็มไปด้วยความหอมหวลสำหรับกิจการต่างชาติ และดูเหมือนกลิ่นจะหอมตลบอบอวลและเย้ายวนจิตใจเพิ่มมากขึ้นในอนาคต

ราวหนึ่งสัปดาห์ต่อมา ท่านสี จิ้นผิงยังได้ส่งจดหมายแสดงความยินดีกับการริเริ่มการสัมมนาด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมระหว่างประเทศขึ้นเป็นครั้งแรกภายใต้เวทีการประชุมโป๋วอ่าวฟอรั่มเพื่อเอเซีย (Boao Forum for Asia) หรือ “ดาวอสแห่งเอเซีย” (Asian Davos) ภายใต้แนวคิดหลักว่า “นวัตกรรมเพิ่มพลังการพัฒนาที่ยั่งยืน” ณ มาเก๊า 

ถ้อยคำท่อนหนึ่งของจดหมายดังกล่าวระบุว่า “จีนพร้อมที่จะทำงานร่วมมือกับนานาประเทศทั่วโลกในการเสริมสร้างนวัตกรรมและความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และผลักดันการเปิดกว้างของการแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศบนพื้นฐานของการครอบคลุมถ้วนหน้าและผลประโยชน์ระหว่างกัน เพื่อส่งเสริมการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและเป็นเกราะคุ้มกันด้านสุขภาพของประชาชน” 

แม้กระทั่งในการประชุมสุดยอดอาเซียนที่นำไปสู่การลงนามความตกลง RCEP เมื่อไม่กี่วันก่อน ผู้นำจีนก็ยังใช้เวลาส่วนหนึ่งกับการสื่อสารเรื่องนี้กับผู้นำของแต่ละประเทศสมาชิกอีกด้วย

คำถามที่ตามมาก็คือ แล้วรัฐบาลจีนเดินหน้าพัฒนานวัตกรรมด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีบนพื้นฐานอะไร จากการวิจัยพบว่า รัฐบาลจีนให้ความสำคัญกับหลักการ 3 ส่วน อันได้แก่ การตระหนักถึงความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ของการเร่งนวัตกรรม การเร่งแก้ไขประเด็นวิกฤติที่ฉุดรั้งนวัตกรรมและการพัฒนา และการผลักดันอย่างเต็มที่ให้เกิดจิตวิญญาณของการเป็นนักวิทยาศาสตร์จีน

หากเรามองออกไปในระยะไกล ก็พอจะจินตนาการได้ว่า หากจีนสามารถสานต่อนโยบายและหลักการพัฒนาเศรษฐกิจด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีของรัฐบาลจีนได้อย่างต่อเนื่องดังที่คาดการณ์ไว้ เราก็น่าจะได้เห็นสตาร์ตอัพจีนเติบใหญ่และก้าวขึ้นไปแข่งขันในเวทีระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นได้หลายร้อยรายในช่วง 15 ปีข้างหน้า

ถึงวันนั้นเราอาจเห็นสตาร์ตอัพจีนก้าวขึ้นครองเวทีโลก โดยมีนวัตกรรมเป็นคำตอบสุดท้าย …

- Advertisement -

More articles

- Advertisement -

Latest article

“อรสิริน” ยก 19 โครงการคุณภาพเชียงใหม่ มอบดีลสุดพิเศษ ในงานมหกรรมบ้านและคอนโดครั้งที่ 43

“อรสิริน” ในงานมหกรรมบ้านและคอนโดครั้งที่ 43 นำโครงการบ้านและคอนโดฯพร้อมอยู่ ทำเลคุณภาพ จ.เชียงใหม่กว่า 19 โครงการ

ORI คาดยอดขาย Q1/66 ได้ 1 หมื่นลบ. หลังเศรฐกิจฟื้นตัว หนุนกำลังซื้อเพิ่มขึ้น

ORI คาดยอดขาย Q1/66 ได้ 1 หมื่นลบ. 2 เดือนแรกค่อนข้างดีอย่างต่อเนื่อง หลังศก.และท่องเที่ยวฟื้นตัว หนุนกำลังซื้อเพิ่มขึ้น

ราคาทองคำ ประจำวันที่ 24  มี.ค. 66 “ราคาปรับเพิ่มขึ้น 200 บาท”

สมาคมค้าทองคำ ประกาศราคาทองคำในประเทศวันนี้ (ครั้งที่ 1) ประจำวันที่ 24 มีนาคม 2566 เมื่อเวลา 09.27 น. เปิดตลาดราคาปรับเพิ่มขึ้น 200 บาท

BAM ออกบูธงานมหกรรมบ้านเเละคอนโด ครั้งที่ 43 วันที่ 23-26 มี.ค. 66 ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

BAM ออกบูธงาน“มหกรรมบ้านเเละคอนโด ครั้งที่ 43 ณ Hall 5 ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งงานนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 23-26 มีนาคม 2566

TGE เปิดแผนขยายธุรกิจโรงไฟฟ้า วาง 5 กลยุทธ์หลัก ดันกำลังผลิตกว่า 200 MW ในปี 75 ตามเป้า

TGE เปิดแผน ขยายธุรกิจโรงไฟฟ้า วาง 5 กลยุทธ์หลัก วางเป้าหมายเพิ่มกำลังการผลิตติดตั้งเป็นมากกว่า 200 MW ภายในปี 2575 จากปัจจุบันบริษัทฯ มีกำลังการผลิตติดตั้งรวม 69.6 MW พร้อมมุ่งขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยจะเข้าประมูลอีกอย่างน้อย 2 โครงการ รวมถึงพิจารณาโอกาสทำ M&A
รับข่าวสาร

ไม่พลาดข่าวสารและอัพเดตจาก Money Club Asia กรอกชื่อและอีเมลด้านล่างได้เลยครับ