หนานจิงลู่ … ถนนคนเดินยุคใหม่ แห่งนครเซี้ยงไฮ้

Must read

ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร
รองประธานและเลขาธิการหอการค้าไทยในจีน และอุปนายกและเลขาธิการ สมาคมส่งเสริมการลงทุนและการค้าไทย-จีน

วันก่อนผมมีโอกาสเกริ่นเกี่ยวกับ “สิ่งใหม่ๆ” บนถนนหนานจิง (Nanjing Road) ใจกลางมหานครเซี่ยงไฮ้ ก็มีท่านผู้อ่านซึ่งเคยไปเยือนถนนคนเดินเส้นนี้ สนใจอยากทราบว่ารัฐบาลนครเซี่ยงไฮ้เดินหน้าปรับปรุงถนนคนเดินที่ชาวจีนต้องไปเยือนอย่างไรบ้าง

คนไทยมักเรียกถนนหนานจิงแห่งนี้ว่า “ถนนนานกิง” หรือ “หนานจิงลู่” ในภาษาจีนกลาง ถนนสายนี้ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 1851 หรือมีอายุเกือบ 170 ปี และขยายเส้นทางโดยลำดับ ถือเป็นถนนยุคใหม่สายแรกๆ ของจีน มีความยาวประมาณ 5.5 กิโลเมตร

หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 รัฐบาลเซี่ยงไฮ้ได้จัดระเบียบและแบ่งถนนหนานจิงออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ หนานจิงซีลู่ หรือถนนหนานจิงตะวันตก (Nanjing West) ตั้งอยู่ในเขตจิ้งอัน (Jing’an District) ซึ่งทอดยาวจากจตุรัสประชาชน (People’s Square) ที่มีอาคารเทศบาลมหานครเซี่ยงไฮ้ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ ไปทางทิศตะวันตกประมาณ 4 กิโลเมตร

และอีกส่วนหนึ่งคือ หนานจิงตงลู่ หรือถนนหนานจิงตะวันออก (Nanjing East) ตั้งอยู่ในเขตหวงผู่ (Huangpu District) ซึ่งยาวจากจตุรัสประชาชนไปทางทิศตะวันออกจนถึงถนนจงซาน (Zhongshan) บริเวณไว่ทัน (Waitan) หรือเดอะบันด์ (The Bund) หาดเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ที่คนไทยรู้จัก

นับแต่ปี 2000 รัฐบาลเซี่ยงไฮ้ได้ปรับปรุงอาคารที่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมแบบยุโรปสองฝากฝั่งถนนและภูมิทัศน์รอบข้าง พร้อมทั้งเชิญชวนให้ห้างร้าน โรงแรม ภัตตาคาร และร้านกาแฟชื่อดัง ทั้งของจีนและต่างชาติ รวมทั้งร้านต้นแบบของแบรนด์ชั้นนำนับพันรายในริมสองฝั่งถนนนี้ แม้กระทั่งห้างสรรพสินค้าแห่งแรกนครเซี่ยงไฮ้ (Shanghai First Department Store) ก็ตั้งอยู่บนถนนเส้นนี้ ร้านรวงแถวนี้จะเปิดทุกวันและปิดราว 4 ทุ่ม

ประการสำคัญ รัฐบาลยังได้จัดระเบียบถนนหนานจิงตะวันออกให้สมเป็น “ถนนธุรกิจสายแรกของจีน” โดยปรับสภาพเป็นถนนคนเดินที่มีขนาดความกว้างเกือบ 30 เมตร และกันไม่ให้รถวิ่งตั้งแต่ต้นถนนฝั่งจตุรัสประชาชนไปจนถึงถนนเหอหนาน (Henan Road) รวมความยาวกว่า 1 กิโลเมตร โชคดีหน่อยที่ถนนหนานจิงอยู่บริเวณใจกลางเมือง และมีรถไฟใต้ดินผ่านนับสิบสาย จึงสะดวกในการเดินทางเข้าออก

ชาวจีนต่างบอกต่อกันว่า “หากไปเยือนเซี่ยงไฮ้ ต้องไปถนนสายนี้สักครั้งในชีวิต” ผนวกกับสถานท่องเที่ยวที่สำคัญในบริเวณข้างเคียง ทำให้แต่ละปีมีชาวจีนและนักท่องเที่ยวต่างชาติกว่า 150 ล้านคน (กว่า 410,000 คนต่อวัน) หลั่งไหลไปเยือน ในจำนวนนี้ กว่า 1 ใน 3 เป็นคนที่มีอายุระหว่าง 20-29 ปี

นอกเหนือจากการเดินเที่ยวเล่น ชื่นชมทัศนียภาพ และถ่ายภาพเป็นที่ระลึก ในปีที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวยังจับจ่ายใช้สอยในพื้นที่ถึงกว่า 18,000 ล้านหยวน หรือราวคนละ 100 หยวนในบริเวณนี้กัน ซึ่งนั่นหมายถึงโอกาสทางธุรกิจอีกมากในอนาคต

ยิ่งพอพระอาทิตย์อัศดง ถนนเส้นนี้กลับมีบรรยากาศที่งดงามและแตกต่างจากบรรยากาศของช่วงกลางวันอย่างสิ้นเชิง แสงไฟหลากสีจากกิจการร้านค้าและแผ่นป้ายโฆษณาของแบรนด์จีนและต่างชาติก็เปล่งประกายระยิบระยับตลอดแนวถนน จนบางครั้งอดคิดไม่ได้ว่า ถ้าไม่มีป้ายโฆษณาภาษาจีนในบริเวณนั้น เราจะนึกว่ากำลังเดินอยู่ในยุโรปเป็นแน่

การพัฒนาอย่างต่อเนื่องดังกล่าวทำให้ถนนหนานจิงแห่งนี้ถูกยกระดับจนจัดเป็นถนนช้อปปิ้งที่โด่งดังเฉกเช่นเดียวกันฟิฟอเวนิว (Fifth Avenue) และย่านไทม์สแควร์ (Times Square) ในนิวยอร์ก หรือชองเซลิเซส์ (Champs-Élysées) ใจกลางกรุงปารีส

แต่จีนยังไม่หยุดแค่นั้น ปลายปี 2019 รัฐบาลเซี่ยงไฮ้ก็ดำเนินโครงการขยายพื้นที่ถนนคนเดินเพิ่มเติมอีกราว 500 เมตรเชื่อมต่อไปจนถึงถนนจงซานที่มีแฟร์มองต์พีซโฮเต็ล (Fairmont Peace Hotel) ตรงบริเวณสุดปลายถนน

การณ์กลายเป็นว่า โควิด-19 ได้เป็นตัวเร่งให้โครงการดังกล่าวแล้วเสร็จเร็วขึ้น และเปิดให้สาธารณชนเข้าใช้งานอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 12 กันยายน ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันเริ่มต้นเทศกาลท่องเที่ยว (Tourism Festival) ของนครเซี่ยงไฮ้

ในการเตรียมการดังกล่าว รัฐบาลเซี่ยงไฮ้ได้ลงทุนปรับปรุงทัศนียภาพของอาคารตลอดเส้นทางครึ่งกิโลเมตร และเปลี่ยนสภาพถนนเดิมเป็นทางเท้าใหม่ทั้งหมดด้วยวัสดุพิเศษที่สะท้อนแสงในยามค่ำคืนและไม่ลื่นเมื่อเวลาโดนฝน

นอกจากนี้ รัฐบาลยังลงทุนติดตั้งระบบเครือข่าย 5G และเสาไฟฟ้าริมทางเดินเพื่อเพิ่มระดับแสงและให้ดูโฉบเฉี่ยวทันสมัย ซึ่งสะท้อนถึงความมั่งคั่งของย่านธุรกิจนี้ (เสาไฟฟ้าย่านไว่ทันจะเน้นความคลาสสิก) และซ่อนสายไฟฟ้าไว้ภายในเสาเพื่อไม่ให้รบกวนสายตา

เนื่องจากถนนที่ยาวเหยียดเกือบ 2 กิโลเมตร หากท่านมีปัญหาการเดินในระยะทางไกลหรือไม่ต้องการช้อปปิ้ง พื้นที่ก็มีรถรางให้บริการ โดยเสียค่าใช้จ่ายเพียงไม่กี่หยวน และยังปลูกต้นเมเปิ้ลแดง ต้นไม้ใหญ่ที่ใบจะเปลี่ยนเป็นสีแดงในช่วงฤดูใบไม้ร่วงเพื่อสร้างสีสันและร่มเงาในพื้นที่ตลอดเส้นทางเดิน จัดพื้นที่นั่งพัก และจุดวางถังขยะที่ออกแบบพิเศษ รวมทั้งยังยกเครื่องระบบระบายน้ำให้ทันสมัย

อีกสิ่งหนึ่งที่น่าชื่นชมก็คือ การเก็บรายละเอียดทางประวัติศาสตร์เพื่อเสริมสร้างการท องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม อาทิ การตกแต่งร้านที่มีคราบไคลทางประวัติศาสตร์ให้ดูดี เช่น CHINA REALTY CO. LD กิจการอสังหาริมทรัพย์ที่มีป้ายชื่อเป็นภาษาอังกฤษอายุกว่าศตวรรษ หรือการทำตัวอักษรระบุเสาไฟฟ้าถนนแห่งแรกของเซี่ยงไฮ้เมื่อปี 1882 

การขยายถนนดังกล่าวช่วยเชื่อมถนนหนานจิงและไว่ทัน 2 สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของนครเซี่ยงไฮ้เข้าด้วยกัน ซึ่งนั่นหมายความว่าท่านสามารถถ่ายภาพบนถนนหนางจิง โดยมีพื้นหลังเป็นหอคอยไข่มุกและอาคารสูงอื่นได้เลย

และเพียงเดินข้ามถนนจงซานต่อจากปลายถนนหนานจิงด้านตะวันออกไป ก็จะเป็นพื้นที่หาดเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ที่เป็นหนึ่งในไฮไลต์ของเมือง เมื่อเดินขึ้นไปยังจุดชมวิวริมแม่น้ำ ท่านก็สามารถชมอาคารที่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์ยุโรปเก่ากว่านับ 100 ปีในฝั่งหนึ่ง และกลุ่มอาคารระฟ้าที่เปรียบดั่งโลกอนาคตของฝั่งผู่ตง (Pudong) ในฝั่งตรงข้ามแม่น้ำหวงผู่ (Huangpu) ได้

ครั้นถนนหนานจิงได้รับการยกระดับจนเป็นอีกส่วนหนึ่งของพื้นที่ประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่และศักยภาพทางธุรกิจของนครเซี่ยงไฮ้ กิจการขนาดใหญ่ของจีนและต่างชาติจึงตอบรับด้วยการเปิดร้านต้นแบบขนาดใหญ่สองฝากผั่งถนนเป็นจำนวนมาก

ที่โดดเด่นมากที่สุดแห่งหนึ่งเห็นจะได้แก่ แฟล็กชิพสโตร์ของหัวเหว่ย (Huawei) ขนาด 5,000 ตารางเมตร พร้อมพนักงานต้อนรับแบบเต็มเวลาถึง 220 คน เพื่อนำเสนอนวัตกรรมและสร้างเสริมประสบการณ์ร่วมกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ท่านที่ชอบไอทีหลงเข้าไปก็อาจถูกกลืนกินไปจนลืมเวลา

ในวันหยุดยาววันชาติจีน (ต้นเดือนตุลาคม) ที่จะถึงนี้ คาดว่าเราจะได้เห็นพื้นที่ถนนหนานจิงและไว่ทันตกแต่งด้วยสีแดง และนักท่องเที่ยวที่จะออกมาเดินกันควั่กไคว่เป็นรูปตัว T ตั้งแต่ต้นถนนหนานจิงไปจนถึงไว่ทันอย่างแน่นอน

ท่านผู้อ่านไปเยือนเซี่ยงไฮ้คราวหน้า อย่าลืมแวะไปเยือน “หนานจิงตงลู่” ถนนคนเดินโฉมใหม่กันนะครับ …

- Advertisement -spot_img

More articles

- Advertisement -

Latest article