ตลาดหุ้นทั่วภูมิภาคเอเชียเปิดตลาดช่วงเช้าวันนี้ (7 ต.ค.) ปรับตัวลดลงตามหลังตลาดหุ้นวอลล์สตรีทของสหรัฐฯ หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ดับความหวังนักลงทุนเกี่ยวกับแผนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระลอกใหม่
โดยดัชนีฮั่งเส็งของฮ่องกงปรับตัวลดลง 0.25% ดัชนีนิกเคอิ225 ของญี่ปุ่นลดลง 0.44% ดัชนีคอสปิของเกาหลีใต้ลดลง 0.14% และดัชนี S&P/ASX200 ลดลง 0.12% ขณะที่ ดัชนี MSCI ของเอเชีย แปซิฟิก ยกเว้นญี่ปุ่นลดลง 0.33%
ความเคลื่อนไหวของตลาดเอชียในแดนลบเกิดจากปฎฺิกิริยาของนักลงทุนในตลาดหลังประธานาธิบดีทรัมป์ของสหรัฐฯ ทวิตข้อความตัดสินใจระงับการเจรจาเรื่องมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระลอกใหม่จนกว่าการเลือกตั้งในเดือนพ.ย.จะเสร็จสิ้น โดยทรัมป์ให้คำมั่นว่าการจะผ่านแผนกระตุ้นทันทีที่ตนเองได้รับชัยชนะ
นักวิเคราะห์มองว่าการกระทำของทรัมป์เป็นการวางเดิมพันเพือชัยชนะในการเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดี โดยใชัปัจจัยด้านเศรษฐกิจเป็นตัวกระตุ้น ซึ่งก่อนหน้านี้ นายเจโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เพิ่งจะออกมาเตือนเมื่อไม่นานมานี้ว่า เศรษฐกิจของสหรัฐฯยังจำเป็นต้องใช้มาตรการกระตุ้นเพื่อช่วยให้เศรษฐกิจยังคงฟื้นตัวต่อไปได้
การตัดสินใจของทรัมป์ ส่งผลให้นักลงทุนเทขายหุ้นในตลาดวอลล์สตรีท โดยดัชนีอุตสาหกรรมดาวน์โจนส์ปิดตลาดเมื่อคืนวานนี้ ปรับตัวลดลง 1.34% ดัชนี S&P500ลดลง 1.40% และดัชนีแนสแด็ก คอมโพสิตลดลง 1.57%
ตลาดหุ้นในเอเชียเคลื่อนไหวตามทิศทางของตลาดหุ้นวอลล์สตรีท ซึ่งผู้เชี่ยวชาญมองว่าน่าจะเป็นปฎิกิริยาของนักลงทุนในตลาดเพียงช่วงสั้นๆ เท่านั้น
ด้านราคาน้ำมันในตลาดฟิวเจอร์สปรับตัวลดลงเช่นกัน โดยน้ำมันดิบเบรนท์ลดลง 1.88% มาอยู่ที่ 41.85 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบเวสต์ เท็กซัส ลดลง 2.26% อยู่ที่ 39.75 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล