UBS สถาบันการเงินชั้นนำแนะนักลงทุนจับตาสกุลเงิน “หยวน” ของจีน เหตุมีแนวโน้มแข็งค่าในช่วงระยะสั้น โดยได้รับแรงหนุนจากเศรษฐกิจฟื้นตัวดี ดุลบัญชีเกินดุล และทุนต่างชาติแห่ไหลเข้าประเทศ
Dominic Schnider หัวหน้าฝ่ายสินทรัพย์โภคภัณฑ์และตลาดหลักทรัพย์/มหภาค ในเอเชียแปซิฟิก ของ UBS สถาบันบริหารจัดการด้านความมั่งคั่งชั้นนำระดับโลกแสดงความเห็นระหว่างการให้สัมภาษณ์กับทางสถานีโทรทัศน์ CNBC ระบุว่า ช่วงเวลาที่เหลือนับจากนี้ถึงสิ้นปีสกุลเงินหยวนมีแนวโน้มแข็งค่ามากขึ้นเมื่อเทียบกับเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐฯ
โดยปัจจุบัน (30 ต.ค.) ค่าเงินหยวนที่ซื้อขายในประเทศจีนเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐ อยู่ที่ 6.6891 หยวน/ดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้นเกือบ 4% นับตั้งแต่ช่วงต้นปี ขณะที่ค่าเงินหยวนในตลาดต่างประเทศซึ่งซื้อขายได้เสรีมากกว่า แข็งค่าอยู่ที่ 6.689 หยวน/ดอลลาร์สหรัฐฯ
ตัวแทนจาก UBS กล่าวว่า ทางสถาบันได้ตั้งเป้าเงินหยวนระยะสั้นไว้ที่ 6.6 หยวน/ดอลลาร์สหรัฐ และว่าเงินหยวนในขณะนี้มีแรงดึงดูดที่น่าสนใจไม่น้อยสืบเนื่องมาจากปัจจัยหนุน 3 ประการด้วยกันคือ เศรษฐกิจที่ขยายตัวเติบโต ความสมดุลของดุลบัญชีเดินสะพัด และปริมาณเงินต่างชาติที่ไหลเข้าประเทศ
ทั้งนี้ มีหลักฐานบ่งชี้ชัดเจนแล้วว่า เศรษฐกิจจีนในขณะนี้ สามรถฟื้นตัวและเติบโตได้ดีเมื่อเทียบกับซีกโลกกตะวันตก โดยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในช่วงไตรมาสที่ 3 มีอัตราเติบโตรายปีที่ 4.9% ขณะที่มหาอำนาจอย่างสหรัฐฯ กับยุโรป ไม่มีสัญญาณการฟื้นตัวไปจนถึงช่วงครึ่งปีแรกของปี 2021
ขณะเดียวกัน ปัจจัยหนุนเงินหยวนอย่างดุลบัญชีเดินสะพัดก็อยู่ในระดับเกินดุลที่เกือบ 2.8% ของ GDP ในปีนี้ เมื่อเทียบกับ 1% ของ GDP ในปี 2019 ซึ่งการขยายตัวของดุลบัญชีเดินสะพัดที่เกินดุลเนื่องจากการส่งออกที่แข็งแกร่ง และการขาดดุลในภาคบริการเพียงเล็กน้อย ส่งผลให้เงินหยวนในไตรมาสถัดไปมีแนวโน้มไปในทางบวก
สำหรับปัจจัยประการสุดท้ายอย่างปริมาณทุนไหลเข้านี้ ได้รับผลสืบเนื่องจาก 2 ปัจจัยย่อย คือ 1) การผนวกรวมของพันธบัตรรัฐบาลจีนเข้ากับตลาดพันธบัตรโลก ซึ่งคาดว่าจะช่วยดึงเม็ดเงินจากต่างชาติเข้าจีนมากถึง 150,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในอีก 12-18 เดือนข้างหน้า และ 2) ความสามารถในการให้ผลตอบแทน carry trade ที่แข็งแกร่ง
ยิ่งไปกว่านั้น ในช่วงเวลาที่ Group of 10 หรือสกุลเงิน 10 ชาติที่มีการซื้อขายหนาแน่นยังไม่สามารถให้ผลตอบแทนได้น่าดึงดูดเท่าเงินหยวนจีน จึงมีแนวโน้มเป็นไปได้ว่า จะมีเงินไหลเข้าจีนมากขึ้นและส่งผลให้เงินหยวนแข็งค่าขึ้น
อย่างไรก็ตาม Schnider กล่าวว่า การคาดการณ์ดังกล่าวอาจมีคลาดเคลื่อนบ้าง ซึ่งต้องรอดูผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในสัปดาห์หน้าต่อไป แต่โดยส่วนตัวเชื่อมั่นว่า ภาพรวมของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ จะยังอ่อนค่ายาวไปจนถึงปีหน้า สะท้อนทิศทางความสัมพันธ์ของดอลลาร์-หยวนนับต่อจากนี้
ที่มา CNBC