AMA วางเป้าปี 64 รายได้โต 10-15% จากปีก่อน หลังธุรกิจบริการขนส่งสินค้าเหลวทางรถขยายตัวต่อเนื่อง เตรียมทุ่มงบลงทุน 600-700 ล้านบาท ใช้เพิ่มรถลำเลียง-ซื้อเรือขนาดใหญ่ 1 ลำพร้อมปิดดีลซื้อกิจการโลจิสติกส์ มูลค่า 300-400 ล้านบาท ภายในช่วงไตร 3/64
นายศักดิ์ชัย รัชกิจประการ กรรมการ บริษัท อาม่า มารีน จำกัด (มหาชน) หรือ AMA เปิดเผยกับ “สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย” ว่าบริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 64 จะเติบโตประมาณ 10-15% จากปีก่อนที่คาดว่ารายได้น่าจะใกล้เคียงกับปี 62 ที่ทำได้ 1,906 ล้านบาท เนื่องจากธุรกิจบริการขนส่งสินค้าเหลวทางรถในประเทศที่คาดว่ารายได้ปีนี้จะเติบโตอย่างต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 20% หลังบริษัทมีการเพิ่มจำนวนรถลำเลียงมากขึ้นและมีการปรับปรุงต้นทุนการดำเนินงาน ซึ่งจะหนุนให้อัตรากำไรปรับตัวสูงขึ้นตามไปด้วย
ขณะที่ธุรกิจให้บริการขนส่งสินค้าเหลวทางเรือระหว่างประเทศเบื้องต้นคาดว่ารายได้ปีนี้น่าจะทรงตัว หากบริษัทยังไม่ซื้อเรือใหม่เพิ่มเข้ามาในปีนี้ หลังจากในช่วงปีที่ผ่านมาบริษัทได้มีการขายเรือที่ใกล้ปลดประจำการออกไปจำนวน 2 ลำ ส่งผลให้ปัจจุบันมีกองเรือที่เหลืออยู่จำนวน 9 ลำ จากเดิมที่มีอยู่ 11 ลำ
โดยปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างรอการประเมินสถานการณ์ธุรกิจในช่วงครึ่งปีแรกก่อน ซึ่งหากผลออกมาดีก็น่าจะมีการสั่งซื้อเรือขนาดใหญ่เพิ่มเข้ามาจำนวน 1 ลำในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ พร้อมคาดว่าจะช่วยหนุนให้รายได้รวมปีนี้มีโอกาสเติบโตมากกว่า 20% จากปีก่อน
ส่วนงบลงทุนปีนี้บริษัทคาดว่าจะใช้เงินประมาณ 600-700 ล้านบาท ซึ่งแบ่งเป็นการซื้อรถลำเลียงเพิ่มอีกจำนวน 20 คัน ซึ่งจะส่งผลให้ภายในช่วงสิ้นปีนี้บริษัทจะมีรถให้บริการทั้งสิ้น 275 คัน จากปัจจุบันที่มีอยู่ 255 คัน และใช้สำหรับกรณีซื้อเรือใหม่เพิ่มจำนวน 1 ลำ มูลค่าประมาณ 10-20 ล้านดอลลาร์ รวมถึงใช้ในการซื้อกิจการใหม่ๆเพื่อช่วยในการต่อยอดกับธุรกิจเดิม
นอกจากนี้ยอมรับว่าปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาซื้อกิจการ (M&A) บริษัทที่ทำธุรกิจด้านโลจิสติกส์ ในประเทศอยู่ 1 ราย ซึ่งใช้เงินลงทุนประมาณ 300-400 ล้านบาท และคาดว่าจะสามารถจบดีลได้ภายในช่วงไตรมาส 3/64 โดยมองว่าหลังการดำเนินการซื้อขายหุ้นแล้วเสร็จจะส่งผลให้บริษัทสามารถบันทึกรายได้ของบริษัทดังกล่าวเข้ามาในงบได้ทันที ซึ่งจะช่วยหนุนให้ธุรกิจให้เติบโตมากขึ้นและยังถือเป็นการกระจายความเสี่ยงของธุรกิจอีกทางหนึ่งด้วย
“เรื่องแหล่งเงินทุนของบริษัทไม่มีปัญหา เพราะปัจจุบันเรามีกระแสเงินสดในมืออยู่กว่า 200 ล้านบาท และโครงการลงทุนส่วนใหญ่เราใช้วิธีการกู้เงินจากแบงก์เกือบทั้งหมด” นายศักดิ์ชัย