ทิศทางธุรกิจไตรมาส 4/63 แนวโน้มดี จับมืออะโฮ้ ขยายฐานลูกค้า จัดตั้ง บริษัท ไฮโซลด์ ดิจิทัล จำหน่ายผลิตภัณฑ์ลดไขมันส่วนเกิน ด้าน APCO CHINA ตกลงสัญญากับบริษัทในประเทศจีนเพิ่มเป็นบริษัทที่สาม เพื่อจำหน่ายผลิตภัณฑ์ลดกระชับสัดส่วน ผลิตภัณฑ์ภูมิคุ้มกัน เครื่องดื่มสุขภาพ และเครื่องสำอางจากมังคุด ตั้งเป้ายอดขายปี 63 เติบโต 15 % พร้อมรักษาอัตรากำไรขั้นต้นที่ระดับ 80%
ศ.ดร. พิเชษฐ์ วิริยะจิตรา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอเชียน ไฟย์โตซูติคอลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ APCO เจ้าของธุรกิจนวัตกรรมธรรมชาติเพื่อสุขภาพและความงามด้วยการวิจัย พัฒนา ผลิตและจำหน่ายครบวงจร เปิดเผยถึงผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2563
บริษัทมีรายได้รวม 65.60 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 58.25 ล้านบาท จำนวน 7.35 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 12.62% และมีกำไรสุทธิ 16.36 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 14.87 ล้านบาท จำนวน 1.49 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 10.02%
ส่วนผลประกอบการงวด 9 เดือน ปี 2563 บริษัทมีรายได้รวม 191.63 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 194.80 ล้านบาท จำนวน 3.17 ล้านบาท หรือ ลดลง 1.63% และมีกำไรสุทธิ 52.80 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 41.83 ล้านบาท จำนวน 10.96 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 26.21%
ทั้งนี้ ผลประกอบการที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากบริษัทปรับแผนการตลาด ให้ข้อมูลผลิตภัณฑ์ตรงกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในช่องทางออนไลน์มากขึ้น อีกทั้งบริษัทมีการบริหารเงินส่วนเกินบางส่วนด้วยการลงทุนในตราสารหนี้ และ ตราสารทุนของผู้ออกตราสารที่มีความมั่นคงทางการเงิน
สำหรับภาพรวมธุรกิจในช่วงไตรมาส 4/63 มีทิศทางเติบโตในเกณฑ์ดี จากการที่ APCO ร่วมกับ บริษัท อะโฮ้ จำกัด จัดตั้งบริษัทร่วมทุนในนาม บริษัท ไฮโซลด์ ดิจิทัล จำกัด จำหน่ายผลิตภัณฑ์ลด กระชับสัดส่วน (GS Super Hi-Sol) ผ่านช่องทางออนไลน์ Social Media
ขณะที่ APCO CHINA ตกลงสัญญากับบริษัทในประเทศจีนเพิ่มเป็นบริษัทที่สาม เพื่อจำหน่ายผลิตภัณฑ์ลดกระชับสัดส่วน ผลิตภัณฑ์ภูมิคุ้มกัน เครื่องดื่มสุขภาพ และเครื่องสำอางจากมังคุด โดยการจำหน่ายผลิตภัณฑ์เข้าไปในประเทศจีน จะเริ่มได้ภายในไตรมาส4/63 และจะเพิ่มมากขึ้นจากการส่งเข้าไปจำหน่ายในช่องทาง China Healthcare อีก 2 บริษัท
คาดว่าจะเริ่มดำเนินการในเดือนมีนาคม 2564 ซึ่งจะทำให้ยอดจำหน่ายของบริษัทและผลประกอบการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยบริษัทเชื่อว่าจากแผนการดำเนินงานดังกล่าว คาดว่าผลประกอบการปี 63 รายได้จะเติบโตประมาณ 15% และสามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้นที่ระดับ 80%
