ตลาดหุ้นทั่วเอเชียซบเซาต่อเนื่องเป็นวันที่สองของสัปดาห์ โดยเปิดตลาดเช้าวันนี้ (27 ต.ค.) ปรับตัวลดลง เหตุนักลงทุนยังคงแห่เทขาย หลังตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่เพิ่มสูงขึ้น และไร้ความหวังเรื่องแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลสหรัฐฯ
โดยดัชนีเซี่ยงไฮ้ คอมโพสิตเปิดตลาดปรับตัวลดลง 0.1% ดัชนีนิกเคอิ225 ของญี่ปุ่นปรับตัวลดลง 0.27% ขณะที่ดัชนีคอสปิของเกาหลีใต้อยู่ต่ำกว่าระดับเส้นระนาบเล็กน้อยเนื่องจากได้รับแรงหนุนจากรายงานการเติบโจของจีดีพีในไตรมาส 3 ซึ่งอยู่ที่ 1.9%
ด้านดัชนี S&P/ASX 200 ของออสเตรเลียลดลง 1.5% และดัชนี MSCI ภาพรวมของภูมิภาคเอเชีย ไม่รวมญี่ปุ่น ลดลง 0.31%
ความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นเอเชียในวันนี้เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นวอลล์สตรีทของสหรัฐฯ ในช่วงคืนที่ผ่านมา ที่นักลงทุนยังคงแห่เทขายหุ้นออกมาอย่างต่อเนื่อง หลังสถานการณ์การระบาดยังไม่มีทีท่าว่าจะคลี่คลาย ทั้งยังมีความเสี่ยงว่าจะรุนแรงมากขึ้นด้วยจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ทั่วโลกที่เพิ่มสูงขึ้น
ขณะเดียวกัน ความหวังที่จะเห็นแผนกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ ก่อนการเลือกตั้ง ค่อนข้างริบหรี่ จึงส่งผลทำให้นักลงทุนในตลาดตัดสินใจขายหุ้น
ทั้งนี้ช่วงคืนที่ผ่านมา ดัชนีอุตสาหกรรมดาวน์โจนส์ปิดตลาด ปรับตัวร่วงลง 650 หรือ 2.3% ดัชนี S&P 500 ลดลง 1.9% และดัชนีแนสแด็ก คอมโพสิต ลดลง 1.6%
สถานการณ์เศรษฐกิจที่มีปัจจัยไม่แน่นอน ทำให้นักลงทุนหันเข้าหาสินทรัพย์ปลอดภัยกันมากขึ้น และพยายามหลีกลี่ยงสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยง ซึ่งรวมถึง ตลาดน้ำมัน โดยราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ลดลง 3.1% ขณะที่ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสลดลง 3.2%
ด้านสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.1% มาอยู่ที่ 1,902.02 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ขณะที่เงินดอลลาร์สหรัฐ ปรับตตัวเพิ่มขึ้น 0.286%