ตลาดหุ้นหลักในเอเชียเปิดตลาดในช่วงเช้าวันนี้ (20 ต.ค.) ปรับตัวร่วงลงในแดนลบกันทั่วหน้า เหตุนักลงทุนชะลอการลงทุนเพื่อรอดูท่าทีของรัฐบาลสหรัฐฯ ในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะที่อีกส่วนหนึ่งรอดูรายงานรายได้ของบรรดาบริษัทใหญ่ๆ ในตลาดที่จะทยอยเปิดเผยออกมาในสัปดาห์นี้
ดัชนีนิกเคอิ225 ของญี่ปุ่นลดลง 0.15% ดัชนีคอสปิของเกาหลีใต้ลดลง 0.2% และ ดัชนีS&P/ASX200 ของออสเตรเลียลดลง 0.39%
ด้านดัชนีMSCI ของเอเชียแปซิฟิกยกเว้นญี่ปุ่นลดลง 0.13%
ความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นทั่วเอเชียเช้าวันนี้ปรับตัวร่วงลงตามตลาดหุ้นวอลล์สตรีทของสหรัฐฯ และตลาดหุ้นของภูมิภาคยุโรป โดยเมื่อช่วงคืนที่ผ่านมา (19 ต.ค.) ดัชนีหุ้นดาวน์โจนส์ปรับตัวลดลงมากกว่า 400 จุด เหตุนักลงทุนรอดูรอลุ้นการเจรจาแผนกกระตุ้นเศรษฐกิจระหว่างสภากับกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ
ขณะเดียวกัน นักลงทุนก็รอฟังการดีเบตรอบสุดท้ายระหว่างสองผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอย่างประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ และนายโจ ไบเดนจากพรรคเดโมแครตในช่วงปลายสัปดาห์นี้
นักวิเคราะห์มองว่า นักลงทุนต่างรอจังหวะที่ปัจจัยที่ไม่แน่นอนลดลงเสียก่อน อีกทั้งยังรอดดูรายได้ของบรรดาบริษัทใหญ่ที่ทยอยเปิดเผยออกมาในสัปดาห์นี้อย่าง เน็ตฟลิกซ์ และเทสลา อีกด้วย
ยิ่งไปกว่านั้น นักลงทุนยังตัดสินใจชะลอการลงทุน เนื่องจากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ในภูมิภาคยุโรปมีแนวโน้มเลวร้ายมากขึ้น เมื่อตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้เสี่ยงต้องใช้มาตรการล็อคดาวน์ระลอก 2 อีกครั้ง
นอกจากนี้ ตลาดยังจับตาดูความเคลื่อนไหวของทางธนาคารกลางจีน (PBOC) ที่จะกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ LPR ประจำเดือนต.ค. ซึ่งล่าสุดมีการเปิดเผยออกมาแล้วว่า จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงและคงอัตราดอกเบี้ยLPR ไว้เท่าเดิม โดยปัจจุบันอัตราLPR อายุ 1 ปีอยู่ที่ 3.85% และอัตรา LPRอายุ 5 ปี อยู่ที่ 4.65%