ตลาดหุ้นเอเชียพลิกปรับตัวร่วงต่อเนื่องปิดท้ายสัปดาห์ เหตุนักลงทุนวิตกกังวลต่อสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 หลังตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ในสหรัฐฯ ทำสถิติสูงสุดระลอกใหม่ หวั่นวัคซีนไม่ทันผลิตใช้ เศรษฐกิจจะพังเสียก่อน
โดยดัชนีนิกเคอิ 225 ของญี่ปุ่นเปิดตลาดเช้านี้ (13 พ.ย.) ปรับตัวลดลง 0.43% ดัชนีคอสปิของเกาหลีใต้ลดลง 0.28% และดัชนี S&P/ASX200 ของออสเตรเลียลดลง 0.2%
ส่วนดัชนีเซี่ยงไฮ้ คอมโพสิต ปรับตัวลดลง 0.76% และดัชนีฮั่งเส็งของฮ่องกงลดลง 0.21%
ด้านดัชนี MSCI ภาพรวมตลาดหุ้นเอเชียแปซิฟิก ยกเว้นญี่ปุ่นปรับตัวลดลง 0.1%
ความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นในเอเชีย เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับตลาดหุ้นวอลล์สตรีทในสหรัฐฯ ที่ดัชนีทั้ง 3 คือ ดัชนีอุตสาหกรรมดาวน์โจนส์ ดัชนีS&P500 และดัชนีแนสแด็ก พร้อมใจปรับตัวในแดนลบ หลังทางการรายงานผู้ติดเชื้อรายวันว่าสูงสุดกว่า 144.000 คน ส่งผลให้จำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศรวมกันแล้วมากกว่า 10 ล้านคน
ทั้งนี้ ดัชนีอุตสาหกรรมดาวน์โจนส์ปิดตลาดลดลง 319 จุด หรือ 1.1% ดัชนีS&P500 ลดลง 1.0% และดัชนีแนสแด็กลดลง 0.7%
ก่อนหน้านี้ นักลงทุนเพิ่งจะกลับมาซื้อขายในตลาดกันอย่างคึกคักหลัง เหตุมีความหวังในการกำราบไวรัสโควิด-19 ด้วยประสิทธิพลในการต้านทานวัคซีนโควิด-19 ของ Pzifer และ BioNtech
อย่างไรก็ตาม ด้วยตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่มีแต่จะพุ่งขึ้นไม่มีลงนี้ ทำให้นักลงทุนต่างนำหุ้นมาขาย เพราะเกรงกลัวว่าต่อให้มีวัคซีน แต่กว่าจะอนุมัติและผลิตออกมาแจกจ่าย สภาพเศรษฐกิจก็คงจะฟื้นตัวได้อย่างยากลำบาก
ความกังวลของนักลงทุนยังได้รับแรงหนุนจากความเห็นของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่แสดงความเห็นว่า ยังไม่สามารถประเมินผลบวกของวัคซีนที่มีต่อทิศทางเศรษฐกิจ และความคืบหน้าของการพัฒนาวัคซีนต้านโควิด-19 ถือเป็นข่าวดีระยะกลาง แต่ยังคงมีประเด็นที่ไม่แน่นอนเกี่ยวกับ ช่วงเวลาในการผลิต การแจกจ่ายและการศึกษาประสิทธิผลของวัคซีนในกลุ่มที่แต่กต่างกัน
ในส่วนหุ้นที่ต้องจับตามองในวันนี้ก็คือหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี โดยเฉพาะหุ้นของ Tencent หลังเปิดเผยผลประกอบการรายได้ไตรมาสล่าสุดที่เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วมากกว่า 80%
ที่มา CNBC