บัณฑิต สะเพียรชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บีซีพีจี จำกัด มหาชน (BCPG) กล่าวแนะนำ บริษัท BCPG ว่าเป็นบริษัทพลังงานแห่งชาติ ลงทุนในพลังงานหมุนเวียน สะอาด ซึ่งเป็น pure play ที่ลงทุนในโรงไฟฟ้าสีเขียวเท่านั้น เดิมที BCPG เป็นหนึ่งใน Business Unit ของบางจากซึ่งเป็นธุรกิจน้ำมัน หลังจากนั้นได้ spinoff ออกมา
บริษัททำธุรกิจโรงไฟฟ้า 5 รูปแบบคือ 1.พลังงานแสงอาทิตย์ 2.พลังงานลม 3.พลังงานความร้อนใต้พิถพ 4.พลังงานชีวมวล 5.พลังงานน้ำ
ณ ปัจจุบัน มีเจ้าของโรงไฟฟ้ามากมายที่ไม่ได้อยู่ในวงการพลังงาน ยกตัวอย่างใน โซล่าฟาร์ม (Solar Farm) แต่พอเกิดวิกฤตขึ้นมา ธุรกิจหลักที่เคยทำมาในอดีตเกิดความผันผวนในช่วง COVID-19 จึงต้องขายโรงไฟฟ้าที่มีแคชโฟลว์ที่คงที่ทิ้ง เพื่อที่จะหาเงิน (Monetized) เพื่อพยุงธุรกิจหลักเอาไว้ ที่จริงแล้ว BCPG ก้เคย Monetized โรงไฟฟ้า Solar ในประเทศญี่ปุ่น เพื่อ หมุนเวียนเงินลงทุนเพื่อลงทุนในสิ่งอื่นแทน
ในช่วง COVID-19 BCPG ปรับตัวอย่างไร
BCPG ปรับตัวได้ไวมาก สิ่งที่ BCPG ได้ทำช่วง COVID-19 คือ Financial Health Check หรือ การเช็คสุขภาพทางการเงินของบริษัท โดยการทำ Stress Test ว่าถ้าเกิดขายไฟไม่ได้ หรือไฟโดนตัดค่าไฟ BCPG จะอยู่กันได้ไหม รวมถึงล๊อคดาวน์โรงไฟฟ้าให้พนักงานอยู่ในโรงไฟฟ้าอย่างเดียว โดยไม่มีการเข้าออก เพื่อป้องกันความเสี่ยงด้านบุคลากร รวมถึงมาการ Work From Home ในบางตำแหน่ง
นอกจากนี้ BCPG ยังได้ช่วยเหลือสังคมโดยการช่วยเหลือคนที่ได้ผลกระทบจาก COVID-19 อย่างเช่นแคมเปญ “พี่วินข้างบ้านพนักงาน BCPG” เพราะวินมอเตอร์ไซค์ต้องออกมาเสี่ยงกับโรค COVID-19 อีกทั้งช่วงนั้น มีคนเดินทางน้อยลงทำให้รายได้ลดลงตามไปด้วย
COVID-19 สอนอะไรเรา
“COVID-19 คือโรคที่เตือนเราว่า การใช้พลังงานที่ไม่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นั้นส่งผลเสียต่อเราอย่างไร เนื่อยจากช่วง Lock Down นั้น อากาศเมืองหลวงในประเทศต่างๆ มีมลพิษในอากาศลดลงอย่างเห็นได้ชัด ถ้าเราไม่ใช้รถยนต์สันดาปที่ทำลายสิ่งแวดล้อม ทุกอย่างมันจะดีขึ้น นี่เป็นปัดใจหลังที่ทำให้นักลงทุนทั่วโลกตระหนักถึง” นายบัณฑิต สะเพียรชัย กล่าว
การเพิ่มทุนของ BCPG
คาดว่าใน 5 ปีต่อจากนี้ บริษัทจะลงทุนประมาน 4หมื่นล้านบาท เพื่อที่จะสร้าง EBIDA ที่เติบโต 15-20% ต่อปี (2021-2025) สัดส่วนรายได้จากโซล่าเซลล์จะลดลงเรื่อยๆต่อจากนี้ ทดแทนด้วยพลังงานสะอาดชนิดอื่นแทน