ปัจจัยที่น่ากังวลในปีหน้าของหุ้นไทย

Must read

นายนิพนธ์ สุวรรณประสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ สถาบันการลงทุน QIQP บล.ไอร่า จำกัด (มหาชน) และ นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน-กลยุทธ์การลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน ได้พูดถึงปัจจัยที่น่ากังวลในปีหน้า โดยสามารถแบ่งเป็นสองอย่างหลักๆคือปัจจัยจากภายในประเทศและปัจจัยจากภายนอกประเทศ

ปัจจัยภายใน ประเทศจะมีเรื่องของการถูก disrupt ในบางกลุ่มอุตสาหกรรม และการส่งออกท่องเที่ยวที่ยังไม่สามารถคาดเดาได้ว่าทางด้านพื้นฐานจะฟื้นตัวจริงๆเมื่อไหร่ เป็นเพียงการเล่นไปตาม Sentiment ของตลาดเท่านั้น

มูลค่าการบริโภคในประเทศลดลง ถูกกดดันมากจากอัตราคนตกงานที่มากขึ้นในช่วงวิกฤตโควิด-19 อีกประเด็นที่น่ากังวลไม่แพ้กันคือ ราคาหุ้นที่ประเทศไทยที่ซื้อขายกันในราคาที่ว่าแพงเมื่อเทียบกับหลายๆประเทศ และยังพอๆ กับหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีถึงแม้ว่าตลาดประเทศไทยแทบจะไม่มีหุ้นกลุ่มนี้เลยก็ตาม 

ปัจจัยภายนอก ปัจจัยจากต่างประเทศถือว่าไม่มีความเสี่ยงที่น่ากังกลมากในปีหน้าโอกาสที่จะมาเป็นปัจจัยกดดันตลาดไทยมีน้อย เทรนด์หลายๆประเทศเป็นขาขึ้นไปก่อนที่วิตกฤตโควิดจะจบลงเสียอีก หุ้นเทคที่คาดว่าจะลงหลังจาก Biden ได้รับตำแหน่งกลับทำ new high สหรัฐในปีหน้าอาจจะมีการสะดุดเล็กน้อย

อีกปัจจัยนึงที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ง่ายๆคือ fund flow อย่างไรก็ดี ต่างชาติได้ค่อยๆออกถึงจุดอิ่มตัวแล้ว กล่าวคือ ถ้าไม่มีแรงกดดันลบอะไรร้ายแรง นับจากนี้แรงขายจากต่างชาติน่าจะแผ่วลงแล้ว ต่อให้ไม่บวกแต่ก็ไม่เป็นแรงที่กดดันต่อตลาดมากมายเท่าไรนัก

อย่างไรก็ดี ยังไม่มีวี่แววว่าต่างขาติจะเข้ามาลงทุนในประเทศไทยระยะยาว เหตุมาจากโครงสร้างพื้นฐานที่ยังไม่มีอะไรใหม่และยังไม่น่าดึงดูดเท่าประเทศแถบเอเชียตะวันออก เช่น ญี่ปุ่น เกาหลี ที่มีเทคโนโลยีเป็นอุตสาหกรรมชูโรง 

ประเทศไทย ใช่ว่าจะไม่เหลืออะไรให้ลงทุน

ตอนนี้ Cycle ใหญ่สำหรับหุ้นมีอนาคตกำลังมา ทางด้าน Technique ถือว่าถึงจุดกลับตัวแล้ว เป็นเวลาและโอกาสในการเข้าเก็บ โดย คุณกรภัทร วรเชษฐ์ และคุณ นิพนธ์ สุววรณประสิทธิ์ ได้แนะนำหุ้น Oasis หรือ หุ้น survivor อนาคตดีและมีความเห็นที่ตรงกันว่ากลุ่มอุตสาหกรรมไหนรอดหรือว่าร่วง

โดยหลักๆแล้วจะวนอยู่ในกลุ่มโรงไฟฟ้า อาหาร และ กลุ่มที่ผลิต Semi-conductor หุ้นตัวที่มีความเห็นเป็นมติเอกฉันทร์เลยว่าดีก็คือ GULF, CPF, OSP, GPSC, KCE

หุ้นที่ คุณนิพนธ์ สุวรรณประสิทธิ์ ได้แนะนำเพิ่มเติมจะเป็นหุ้นกลุ่ม finance อย่างตัว MTC และ SAWAD ที่ปล่อยให้กับคนที่ฐานเงินเดือนไม่สูงมากนัก ยิ่งมีคนประเภทนี้เยอะ ยื่งมีรายได้ดี ประกอบกับระดับ NPL (หนี้เสีย) ที่ต่ำ ด้วยเหตุนี้ทำให้หุ้นสองตัวนี้เป็นตัวที่เล่นได้ในรอบสั้นๆ อีกตัว

ในส่วนของหุ้นที่เพิ่มเติมและเสริมโดย คุณกรภัทร วรเชษฐ์ จะมีเป็น GFPT ที่เด่นๆอีกตัวจากกลุ่มอาหาร และ CRC ที่มีปัจจัยบวกจากการรับรู้รายได้จาก Robinson เต็มๆในรอบหน้า

‘เวลาหุ้นขึ้น มันไม่ได้ขึ้นแค่ปีเดียว แต่ขึ้นที 8-9 ปี และทุกๆครั้งมันจะมี Super stock ซึ่งหุ้นตัวนั้นก็คือ GULF’ คุณนิพนธ์ สุววรณประสิทธิ์กล่าว อย่างไรก็ดีหากถามว่าตลาดหุ้นไทยจะไป new high เมื่อไหร่ ก็ต้องบอกเลยว่า 5 -10 ปีนี้ไม่มีแน่ ด้วยเหตุผลที่ว่ายังไม่มีหุ้นใหญ่ๆหรืออะไรใหม่ๆเข้ามาเป็ยปัจจัยบวกได้ขนาดนั้น 

- Advertisement -spot_img

More articles

- Advertisement -

Latest article