ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) หรือ KKP แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า จากแนวทางที่ธนาคารได้ตั้งไว้ในการมุ่งสู่การเป็นสถาบันการเงินที่มีผลการดำเนินงานที่เป็นเลิศ ภายใด้การดำเนินงานใน 3 ธุรกิจหลัก เป็นสิ่งที่ธนาคารได้ยึดถือเป็นแนวทางในการดำเนินงานตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาในการมุ่งเน้นเสริมสร้างและพัฒนาธุรกิจหลักด้านต่างๆ เพื่อสนับสนุนให้ธนาคารมีการกระจายรายได้และสร้างโอกาสในการหาผลตอบแทนที่เหมาะสมใน รูปแบบต่างๆ ซึ่งสามารถช่วยลดทอนผลกระทบที่เกิดขึ้นจากสถานการณ์การแพร่ระบาดในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาได้ค่อนข้างมาก ส่งผลให้ธนาคารมีผลการดำเนินงานสำหรับปี 2564 อยู่ในระดับที่ดี
โดย ธนาการเกียรตินาดินภัทรและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิสำหรับปี 64 จำนวน 6,318 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.3 % เมื่อเทียบกับปี 63 และมีกำไรเบ็ดเสร็จรวมจำนวน 7,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.5% จากปีก่อน
สำหรับไตรมาส 4 ปี 64 ธนาคารและบริษัทบ่อยมีกำไรสุทธิ เท่ากับ 2,023 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 82.6 % จากไตรมาสเดียวกันของปี 63 และมีกำไรเบ็ดเสร็จรวมเท่ากับ 2,102 ถ้านบาท เพิ่มขึ้น 37.4% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
สำหรับปี 64 ธุรกิจหลักด้านต่างๆของธนาคารยังคงความสามารถในการสร้างรายได้ในระดับที่ดี โดยเฉพาะในส่วนของธุรกิจตลาดทุนที่มีผลการดำเนินงานที่ปรับเพิ่มขึ้นมาก ส่งผลให้รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิปรับเพิ่มขึ้น 40.1% จากปี 63
โดยหลักจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากธุรกิจ Private Wealth Management ตามการเติบโตของสินทรัพย์ภายใต้ คำแนะนำการลงทุน รายได้จากธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ที่เพิ่มขึ้น โดย บริษัทหลักทรัพย์ เกียรดินากินภัทร จำกัด(มหาชน) ยังคงมีส่วนแบ่งตลาดที่ 14.04 % คิดเป็นส่วนแบ่งตลาดอันดับที่ 1 อย่างต่อเนื่อง
ธุรกิจวานิชธนกิจสามารถทำรายได้ในระดับที่ดี จากการทำธุรกรรมที่สำคัญหลายรายการในระหว่างปี รวมถึงการเพิ่มขึ้นของรายได้จากธุรกิจการจัดการกองทุนตามสินทรัพย์กายใด้การจัดการที่ปรับเพิ่มขึ้น ในส่วนของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิปรับเพิ่มขึ้นเช่นกันที่ 7.0 % จากการที่สินเชื่อของธนาคารยังคงเติบโตได้ในระดับที่ดีตลอดปี 64
ในด้านของค่าใช้จ่ายธนาคารยังคงควบคุมค่าใช้จ่ายโดยรวมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่อรายได้สุทธิยังคงปรับลดลงต่อเนื่อง อยู่ที่ 39.0%
ทางด้านการตั้งสำรองธนาคารยังคงรักษาความรอบกอบระมัดระวังในการพิจารณาสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น โดยมีการสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่ดาดว่าจะเกิดขึ้นสำหรับปี 64 เป็นจำนวน 5,201 ล้านบาท ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยังคงส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องตลอดปี 64 และไดส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานโดยเฉพาะในส่วนของธุรกิจการให้สินเชื่อด้วยนั้น
ธนาคารได้ให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือลูกค้าตลอดระยะเวลาของสถานการณ์การแพร่ะระบาคที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการดำเนินการควบคู่ไปกับการพัฒนาธุรกิจในด้านต่างๆ สำหรับในส่วนของสินเชื่อนั้นธนาคารสามารถรักษาการเติบโตได้ในระดับที่ดี ปี 64 สินเชื่อรวมของธนาคารมีการขยายตัวที่ 165% จากสิ้นปี 63
ทางด้านคุณภาพของสินเชื่อ ยังสามารถควบคุมได้อย่างมีประสิทธิภาพ จากการมุ่งเน้นการขยายสินเชื่อที่ให้ผลตอบแทนที่เหมาะสมและมีคุณภาพสินเชื่อที่ดี ส่งผลให้อัตราส่วนสินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตต่อสินเชื่อรวม ณ สิ้นปี 64 อยู่ที่ 3.0 % โดยยังคงเป็นระดับใกล้เคียงกับสิ้นปี 63 ที่อยู่ที่ 2.9% ทั้งนี้มีอัตราส่วนสำรองต่อสินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครคิตอยู่ในระดับสูงที่ 17.1 %
สำหรับเงินกองทุน ธนาคารยังคงมีสถานะเงินกองทุนอยู่ในระดับที่สูงและเกินกว่าเกณฑ์ที่กำหนด โดยธนาคารแห่งประเทศไทย โดย ฌ สิ้นปี 64 ธนาคารมีอัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้นต่อสินทรัพย์เสี่ยงอยู่ที่ 16.41 %
ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง : ธนาคารเกียรตินาคินภัทร