4 กูรูชี้วิกฤตมีโอกาส จัดพอร์ตลงทุนเลือกกระจาย ทองคำ-อสังหาฯ-เงินดิจิทัล-หุ้น

Must read

4 ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนในทองคำ อสังหาริมทรัพย์ สกุลเงินดิจิทัล และตลาดหุ้น ตบเท้าเข้าร่วมงานเสวนาชี้แนวทางการลงทุนในภาวะวิกฤต โดยกุญแจสำคัญอยู่ที่การตั้งหลักจัดพอร์ตการลงทุนที่ตอบโจทย์ความต้องการด้านการลงทุนของตนเอง

คำแนะนำของ 4 ผู้เชี่ยวชาญครั้งนี้มีขึ้นในงานสัมมนาเปิดตัว Money Club แพล็ตฟอร์มช่องทางข้อมูลข่าวสารด้านการเงินการลงทุนทั้งในและตลาดต่างประเทศ ภายในหัวข้อ “เปิดกลยุทธ์กูรู ลงทุนแบบผู้ชนะภาวะวิกฤต” เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน ที่ The Society ชั้น 22 อาคารเกษรทาวเวอร์

โดยผู้เชี่ยวชาญทั้งหมด ประกอบด้วย ฐิภา นววัฒนาทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลียน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัดม ขวัญชัย ยิ่งเจริญถาวรชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท อัลติจูด ดีเวลลอปเมนท์จำกัด, กวิน พงษ์พันธ์เดชา ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) บริษัท บิทาซซ่า จำกัด, และ อัครพงศ์ ขวงธนะชัย Fulltime Trader เจ้าของเพจยอดนิยม stockmanday

ทั้งนี้ ในมุมมองของนักลงทุนผู้ชำนาญการแต่ละสินทรัพย์ในตลาดมองว่า ท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 อย่างหนักหน่วง การเลือกที่จะกระจายพอร์ตการลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ นับเป็นหนึ่งในทางเลือกสำคัญที่จะทำกำไรจากการลงทุนในภาวะวิกฤตเช่นนี้

ทองคำ never die

เริ่มต้นด้วยตลาดทองคำ หนึ่งสินทรัพย์ปลอดภัยยอดนิยมของนักลงทุนทั่วโลกในทุกยุคทุกสมัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารจาก YLG มองว่า แม้จะเห็นความผันผวนในตลาดทองคำ แต่เมื่อมองในภาพรวม ราคาทองคำนับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาปรับตัวเพิ่มขึ้นมาแล้วกว่า 30% นับเป็นปีที่ดีที่สุดของราคาทองคำ ซึ่งโดยส่วนตัวมองว่า เมื่อพิจารณาจากทิศทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกในปัจจุบัน ราคาทองคำน่าจะคงอยู่ที่ระดับ 1,800 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ไปอีกปีกว่าๆ และมีโอกาสที่จะปรับตัวสูงขึ้นในช่วงปีหน้าได้ไม่ยาก

สำหรับประเด็นที่ว่าควรจะซื้อทองคำไว้มากน้อยแค่ไหนก็ต้องพิจารณาแนวทางการลงทุนของตนเองว่าต้องการซื้อทองเพื่อเก็งกำไร หรือซื้อทองเพื่อการออม ซึ่ง ฐิภา ซีอีโอYLG แนะว่า พอร์ตการลงทุนที่ดีควรมีสัดส่วนการลงทุนในทองคำราว 5-10% ของการลงทุนทั้งหมด

อสังหาริมทรัพย์ ขาขึ้นของเหล่า Buyer

ขณะที่ในส่วนของตลาดอสังหาริมทรัพย์ ขวัญชัย ยิ่งเจริญถาวรชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท อัลติจูด ดีเวลลอปเมนท์จำกัด อธิบายว่า ภาพรวมของตลาดอสังหาฯในเวลานี้อยู๋ในช่วงขาขี้นสำหรับนักลงทุนที่อยู่ในสถานะ Buyer หรือผู้ซื้อ เนื่องจากมีความสามารถในการต่อรองได้เยอะ และมีปัจจัยเอื้ออย่างดอกเบี้ยถูก ทำให้การลงทุนในอสังหาฯช่วงนี้ เหมาะกับคนที่กำลังหาซื้อที่เก็บไว้เพื่อทำกำไรโกยรายได้ในระยะยาว

โดยขวัญชัยกล่าวว่า ราคาของอสังหาริมทรัพย์แต่ละประเภทจะมีระยะเวลาในการปรับตัวลดลงหลังเกิดวิกฤครั้งใหญ่ ซึ่งถ้าเป็นอสังหาฯมือหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นบ้านหรือคอนโด บรรดาดีเวลลอเปอร์ทั้งหลายก็มักจะจัดโปรโมชั่นในช่วง 3-6 เดือนหลังวิกฤต ส่วนหลังจากนั้นก็จะเป็นโอกาสของตลาดบ้านมือสองที่ราคาจะเริ่มถูกลง ให้นักซื้อได้เข้าไปเลือกซื้อได้

ทั้งนี้ นักลงทุนในตลาดอสังหาฯต้องตอบตัวเองให้ได้ว่า ชอบมือหนึ่งหรือมือสอง เพื่อให้สามารถกำหนดทิศทางที่จะเข้าไปลงทุนในตลาดอสังหาริมทรัพย์ได้อย่างชัดเจน

ขณะเดียวกัน ในช่วงวิกฤตโควิด-19 ในปัจจุบัน การซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนอาจจะต้องอาศัยความอดทนมากกว่าปกติ และให้ทำใจไว้เลยว่า หากจะขายอสังหาฯในช่วงเวลานี้อาจไม่ได้ราคาที่ตั้งเป้าไว้ ดังนั้น โดยส่วนตัว ขวัญชัยมองว่า น่าจะใช้วิกฤตครั้งนี้ให้เป็นโอกาสในการเพิ่มมูลค่าอสังหาของตน โดยเฉพาะคนที่มีที่ดินทำเลทอง ซึ่งน่าจะหันไปร่วมมือกับบรรดาดีเวลลอปเปอร์ในการพัฒนาที่ดินทำโครงการเพื่อเพิ่มมูลค่า ซึ่งจะช่วยให้ราคาที่ตั้งไว้มีความสมเหตุสมผล หรือสามารถขยับปรับราคาขึ้นไปได้อีกในอนาคต

สกุลเงินดิจิทัล ตัวเลือกการลงทุนในอนาคต


กวิน พงษ์พันธ์เดชา ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) บริษัท บิทาซซ่า จำกัด (Digital Currency) กล่าวว่า สกุลเงินดิจิทัล หรือ บิทคอยน์ ถือเป็นสินทรัพย์น้องใหม่ที่ก้าวเข้ามาในโลกยุคดิจิทัล ซึงมีราคาและความผันผวนไม่ต่างจากสินทรัพย์ปกติทั่วไปที่มีอยู่ในท้องตลาด ไม่ว่าจะเป็น น้ำมัน หุ้น ตราสารหนี้ และทองคำ

โดยข้อดีของสกุลเงินดิจิทัล อย่าง บิทคอยน์ ก็คือการมีระบบสมการที่มีเสถียรภาพ ปลอดภัยและน่าเชือถือ เข้ามารองรับ ทำให้ปริมาณของบิทคอยน์ ไม่มีมากเกินไปจนล้นตลาด และมีการปรับฐานบิทคอยน์ทุกๆ 4 ปี

ทั้งนี้ ที่ผ่านมา บิทคอยน์เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น เนื่องจากหลายประเทศทั่วโลกให้การรับรองสถานะทางกฎหมายแก่บิทคอยน์ ทำให้การลงทุนในบิทคอยน์เป็นเรื่องที่ถูกกฎหมาย ดังนั้น การจัดพอร์ทเปิดใจให้บิทคอยน์เป็นหนึ่งในทางเลือกสำหรับการลงทุนในอนาคตก็เป็นสิ่งที่ไม่อาจมองข้ามได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในห้วงเวลานี้ ที่บรรดาสกุลเงินหลักๆ ของโลกต่างใช้มาตรการพิมพ์เงินอัดเข้าสู่ระบบเพื่อแก้วิกฤตเศรษฐกิจ ซึ่งเสี่ยงทำให้มูลค่าของเงินอ่อนค่าลงมากขึ้นเรื่อยๆ

ลงทุนในหุ้น เลือกให้ได้ว่าจะ ออม หรือ เก็งกำไร


ด้าน อัครพงศ์ ขวงธนะชัย Fulltime Trader เจ้าของเพจ stockmanday กล่าวว่า ก้าวแรกของคนที่เข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นก็คือการหาความต้องการของตนเองให้ได้อย่างชัดเจนว่า ต้องการลงทุนในตลาดหุ้นเพื่ออะไร ระหว่าง เพื่อออมเงินเก็บในระยะยาว หรือเพื่อการเก็งกำไรในระยะสั้น เพราะความต้องการเหล่านี้ จะช่วยกำหนดทิศทางแนวทางการลงทุนในหุ้นของตนเอง

ถ้าเป็นการลงทุนในระยะยาว ก็คือการหาซื้อหุ้นที่ชอบ และซื้อทิ้งไว้ โดยที่ไม่ต้องเข้าไปให้ความสนใจ แต่ต้องมั่นใจว่า หุ้นที่ชอบนั้นเป็นธุรกิจที่ยังมีโอกาสโต ยังไม่ตาย ขณะที่ถ้าเป็นสายเก็งกำไร ก็ต้องซื้อหุ้นโดยพิจารณาจากกราฟเป็นหลัก โดยเคล็ดลับซื้อให้ได้กำไรก็คือให้ซื้อตอนย่อ และศึกษาความเคลื่อนไหวของหุ้นโดยดูจาก ไทม์เฟรม เดย์ ที่นักลงทุนต้องอ่านให้ขาด

“สรุปสุดท้าย ถ้าจะถือยาวต้องชอบหุ้นที่ซื้อ ซื้อแบบขำๆ ไม่โอเวอร์เทรด ส่วนถ้าจะมาสายเก็งกำไรต้องเน้นกราฟเพียวๆ หาไทม์เฟรมเดย์ ต้องเข้าใจและมองกราฟให้ขาด ขยันมองกราฟ ไทม์เฟรมเดย์ ถ้าซื้อในจุดที่ถูกต้องการรีบาวด์ ซื้อขาขึ้น” อัครพงศ์ กล่าว

- Advertisement -spot_img

More articles

- Advertisement -

Latest article