SPALI ลั่นกำไร – รายได้ปีนี้นิวไฮ หลังรับรู้ 4 โครงการคอนโด – ตุน Backlog อีก 3.75 หมื่นลบ. ด้านยอดขายคาดแตะ 2.7 หมื่นลบ. ลุยเปิด 31 โครงการใหม่มูลค่า 3.4 หมื่นลบ. ตั้งงบซื้อที่ดิน 8 พันลบ. ลั่นอสังหาฯ ผ่านจุดต่ำสุดแล้ว
นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ SPALI เปิดเผยว่า ในปี 64 คาดผลการดำเนินงานทั้งกำไรและรายได้ จะเติบโตเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ (New High) โดยตั้งเป้ารายได้รวมอยู่ที่ 28,000 ล้านบาท
โดยปัจจัยสนับสนุนมาจากการรับรู้การโอนกรรมสิทธิ์โครงการคอนโดมีเนียม 3 โครงการ มูลค่ารวม 14,290 ล้านบาท โดยปัจจุบันมียอดขายเฉลี่ยเกือบ 90% และยังทยอยรับรู้ยอดโอนจากโครงการคอนโดมีเนียมขนาดใหญ่อีก 1 โครงการต่อเนื่องจากปลายปีก่อนช่วยหนุน และรับรู้รายได้จากโครงการแนวราบที่สร้างเสร็จพร้อมโอนในปีนี้
ทั้งนี้ กำไรสูงสุดที่บริษัทเคยทำได้คือ 5,812.05 ล้านบาทในปี 60 และรายได้ที่เคยทำสูงสุด 25,809.53 ล้านบาทในปี 61
โดยณ วันที่ 31 ธ.ค.63 บริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) ในมีมูลค่ารวม 37,564 ล้านบาท ทยอยรับรู้ในปี 64 ประมาณ 16,192 ล้านบาท นอกจากนี้บริษัทตั้งเป้าหมายยอดขาย (Presale) ในปี 64 ที่ 27,000 ล้านบาท โดยสัดส่วนยอดขายในปีนี้มาจากต่างจังหวัดประมาณ 37% หรือประมาณ 10,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีสัดส่วนเพียง 34%
นอกจากนี้บริษัทมีแผนเปิดตัว 31 โครงการใหม่ มูลค่าโครงการรวม 34,000 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการประเภทแนวราบ 27 โครงการ และโครงการคอนโดมิเนียม 4 โครงการ และปีนี้กำหนดงบประมาณการจัดซื้อที่ดินไว้ที่ 8,000 ล้านบาท
สำหรับภาพรวมทิศทางอสังหาริมทรัพย์ในช่วงปีนี้ได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว(Bottom Out) จากปีก่อนภาพรวมติดลบ 30% โดยเฉพาะคอนโดมีเนียมติดลบ 40% เนื่องจากปีนี้มีวัคซีนซึ่งคาดว่าภาคการท่องเที่ยวกลับมาช่วยหนุนภาพรวมเศรษฐกิจ อีกทั้งอัตราดอกเบี้ยยังอยู่ระดับต่ำ ซึ่งปีนี้มองว่าเป็นปีที่เหมาะสมในการซื้ออสังหาริมทรัพย์
ส่วนภาพรวมกำลังซื้อเริ่มกลับมาตั้งแต่ พ.ย.-ธ.ค.63 สะท้อนให้เห็นว่ากำลังซื้อ(Demand)ยังมีอยู่และมองว่าจะฟื้นตัวดีขึ้น ซึ่งมองว่าแนวราบมีโอกาสฟื้นตัวได้เร็วกว่าคอนโดมีเนียม แต่ภาพรวมการเปิดตัวโครงการใหม่ปีนี้(Supply) มองว่ายังน้อยจากผลกระทบโควิด-19
ด้านปี 63 ที่ผ่านมา บริษัททำยอดขายรวมได้ 24,376 ล้านบาท มีการเปิดตัวโครงการรวม 28 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 24,540 ล้านบาท เป็นโครงการแนวราบ 25 โครงการ (กรุงเทพฯ และปริมณฑล 11 โครงการ, ภูมิภาค 14 โครงการ) และโครงการคอนโดมิเนียม 3 โครงการ
นอกจากนี้บริษัทยังมีความพร้อมทางด้านต้นทุนทางการเงิน ซึ่งมีอันดับเครดิตองค์กรจากทริสเรทติ้งที่ระดับ A สะท้อนถึงสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง ความสามารถในการดำเนินธุรกิจที่มีการเติบโต และมีแนวโน้มในการสร้างรายได้และกำไรอย่างต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ ซึ่งถือว่าบริษัทมีภาระหนี้สินที่ต่ำที่สุดในกลุ่มอุตสาหกรรมและต้นทุนทางการเงินต่ำกว่า 1.9% ต่อปี
ทั้งนี้กลยุทธ์หลักของบริษัทในปี64 ได้แก่ การนำหลักการทำงานแบบ Agile มาปรับใช้ในองค์กร เพื่อพัฒนาสินค้าและบริการขององค์กรได้รวดเร็ว, เตรียมเปิดตัวแบรนด์ใหม่ พร้อมแบบบ้านใหม่ ฟังก์ชันใหม่ ให้ตอบโจทย์ยุค “New Normal”, เตรียม Launch แอปพลิเคชัน “Supalai Sabai” ครอบคลุมทุกบริการ และส่งเสริมด้าน Waste management ในกระบวนการก่อสร้าง โดยกำหนดแนวทางการทำงานเพื่อลดปริมาณ